วิธีปลูกผักหวานป่า อาชีพสร้างรายได้ ออกยอดตัดขายได้ตลอดปี(เคล็ดไม่ลับ)
ผักหวานป่า |
ผักหวานป่า เป็นผักประจำถิ่นที่ประสบพบเห็นได้ง่ายในเขตที่ราบสูง ที่เป็นป่าเต็งรัง ดงไผ่ รวมอยู่ในกรุ๊ปพวกป่าเบญจพรรณ ผักหวานป่ามีลักษณะใบใหญ่ กลม ยาว ดก ถ้าเกิดพึงพอใจต้องการปลูกผักหวาน แม้กระนั้นไม่รู้จักแนวทางปลูก ต้นผักหวานชอบไม่ค่อยโต การปลูกผักหวานให้สำเร็จผลิตที่ดีจำต้องปลูกเอาอย่างธรรมชาติ โดยปลูกผสมกับพืชไร่ไม้ผลอื่นๆเพื่ออาศัยร่มเงาไม้คนดูแลช่วยอำพรางแสงตะวันในแปลงเพาะปลูก
คิดออกว่าอดีตสมัย ผักหวานป่า ทำมาหากินยากมากมาย ด้วยเหตุว่าจะมีอยู่แต่ว่าในป่าแล้วก็ได้รับประทานเฉพาะตอนหน้าร้อน-ฤดูฝน แค่นั้น แม้กระนั้นนับเป็นเวลาหลายปีมานี้มีการนำเมล็ดพันธุ์ผักหวานป่ามาปลูกกันอย่างล้นหลาม ทำให้คนที่ถูกใจผักประเภทนี้มีกินได้ตลอดทั้งปี ในราคาด้ามจับจะต้องได้
https://www.youtube.com/watch?v=K_qSH7OcQPcผักหวานป่าเป็นพืชที่ปลูกยาก ถ้าเกิดคนไม่มีความรู้ ไม่เคยอยู่กับนามาก่อนจะมีผลให้บรรลุเป้าหมายได้ยาก จากประสบการณ์ที่ป้าเคยพบมาเป็น ลูกค้าที่ซื้อต้นจำพวกไปปลูกเขากล่าวว่าปลูกแล้วตายหมด ส่วนหนึ่งส่วนใดอาจเกิดขึ้นจากความเหมาะสมของพื้นที่ เปรียบการปลูกเห็ดควรจะมีเชื้อเห็ดถึงจะขึ้น ผักหวานก็เช่นเดียวกันบางพื้นที่ที่ไม่เคยมีผักหวานขึ้นมาก่อนก็บางทีก็อาจจะทำเป็นยาก วิธีแก้เป็นคนปลูกควรต้องอนุบาลดีๆหากมิเช่นนั้นจะมีปัญหาปลูกไปแล้วต้นตาย จัดว่าปลูกยาก แม้กระนั้นหากพวกเรารู้เรื่องสำหรับในการทำมันไม่ยากเลย
ผักหวานป่า |
วิธีสำคัญสำหรับการปลูกผักหวานให้มีคุณภาพ
การปลูกผักหวานให้มีคุณภาพและก็ต้นแข็งแรงได้ผลผลิตดีอยู่ที่การแซม “ต้นไม้พี่เลี้ยง” หรือไม้ที่ให้ร่มเงา เว้นเสียแต่ผักหวานป่าเป็นพืชที่ไม่อยากแดดมากมาย ผักหวานปรารถนาแดดเพียงแค่ 30% แค่นั้น พืชคนดูแลก็เลยมีคุณประโยชน์สำหรับในการให้ร่มเงา ในเรื่องที่ไม้คนดูแลยังไม่โตพอที่จะให้ร่มเงากับผักหวานได้ ให้ใช้ซาแรนปกคลุมต้นผักหวานไปก่อน เป็นการช่วยลดแสงสว่างไม่ให้กระทบกับต้นผักหวานโดยตรง ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นตัวช่วยหาอาหารใต้ดินให้กับผักหวานอีกด้วย เหตุเพราะผักหวานจะอาศัยการกินของกินกับรากพืชอื่นกระบวนการเพาะเม็ดผักหวานป่า
เมื่อมีเมล็ดพันธุ์ ให้เอามาล้าง ผึ่งไว้จนแห้งในที่ร่ม ราวๆ 1-2 วัน แล้วหลังจากนั้นนำผ้าหรือกระสอบป่านชุบน้ำให้แฉะเอามาหุ้มเมล็ดพันธุ์ไว้ ราว 7-10 วัน เม็ดจะแตก แม้กระนั้นก็ยังไม่มีต้นอ่อน เนื่องจากว่าต้นผักหวานป่าจะผลิออกช้ามากมาย ไม่ต้องรอคอยต้นอ่อนแตกออก แค่เพียงให้เม็ดแตกก็สามารถนำลงดินที่จัดเตรียมไว้ได้เลยก่อนจะนำเมล็ดพันธุ์ลงดิน จะต้องตระเตรียมพื้นที่ปลูกก่อน ด้วยการขุดหลุม ขนาด 30×30 ซม. แล้วนำดินผสมกับปุ๋ยธรรมชาติเก่า ที่ทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 1 ปี ในอัตรา 1:1 ส่วน ก่อนจะนำเม็ดลงดิน จะใช้เหล็กเส้น ขนาด 6 หุน ยาว 1 ศอก แทงลงในดินที่ขุดหลุมไว้ เพื่อเป็นทางให้รากของผักหวานลงไปในดินโดยง่าย วางเม็ดผักหวานแนวขวางและก็ให้เม็ดโผล่อยู่เหนือดินครึ่งเม็ด
ผักหวาน เป็นพืชที่จะหยั่งรากลงดินก่อนโดยที่ยังไม่มีต้นอ่อน ภายหลังจากหยั่งรากลงดินราว 1 เดือน ก็เลยจะเริ่มแตกต้นอ่อนให้มองเห็น ระยะเวลาระหว่างรอคอยต้นอ่อนแตกยอดออกมา จำต้องรอพินิจเม็ดว่าเน่าหรือเปล่า ถ้าหากเม็ดเปลี่ยนสีไปจากเดิม ไม่เสมือนวันแรกที่ลงปลูก หรือกลายเป็นสีคล้ำ ให้คาดคะเนว่า เม็ดนั้นเน่า
ผักหวานป่า |
แนวทางปลูกผักหวานป่า
1. เลือกใช้ต้นประเภทจากการเพาะเม็ดมาปลูก จะได้ผลผลิตดีรวมทั้งอายุยืนกว่า แบบกิ่งตอน2. ปลูกพืชคนดูแลไว้ก่อนจะปลูกต้นผักหวานป่า อย่างเช่น ต้นมะขามเทศ,ชะอม,,โสน,กระถิน,ต้นแค อื่นๆอีกมากมาย พืชที่กล่าวมานี้จัดเป็นพืชเครือญาติถั่วทั้งหมดทั้งปวง เลือกปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือจะหลายแบบก็ได้... ส่วนตัวเราเลือกใช้ต้นแค ซึ่งปลูกไปพร้อมๆกับต้นผักหวาน และก็ต้นมะขามเทศ (ต้นมะขามเทศนี่ ปลูกล่วงหน้ามาก่อนนานแล้ว) เป็นพืชคนดูแล
3.เลือกแนวทางที่จะปลูกให้สมควรตามภาวะของแสงตะวัน ต้นผักหวานป่านั้นรังเกียจแดด ถูกใจอยู่ใต้ร่มเงาไม้ยืนต้น มีแสงสว่างรำไร
4.ระยะห่าง ระหว่างต้นรวมทั้งระหว่างแถว 2 x 2 เมตร
5.ขุดหลุมปลูก กว้าง และก็ ลึก พอๆกับขนาดของถุงต้นจำพวก แล้วผสมปุ๋ยหมัก( 2-3 กำมือ/ต้น) กับดิน ใส่รองตูดหลุมไว้
6.จัดเตรียมนำต้นชนิดลงหลุมปลูก โดย ตัดด้วยกรรไกรรอบๆก้นถุง และหลังจากนั้นก็ค่อยๆแกะถุงก๊อบแก๊บข้างล่างออกเพียงแค่นั้นนี้ต้องระมัดระวังให้มากมายเป็นพิเศษด้วยเหตุว่าปลายของรากแก้วจะมางอตัวอยู่ในซอกมุมของถุง ถ้าเกิดรากแก้วหักหรือขาดช่องทางที่ต้นผักหวานป่าจะตายมีสูง แต่ว่าหากพลาดทำรากขาดไปบ้าง ก็ปลูกไปเหอะ..เผื่อรอด ! ..เบาๆหย่อนยานต้นประเภทลงหลุมโดยที่ไม่เอาถุงสีดำออก เป็น ปลูกไปอีกทั้งถุงนั่นแหละ มันบางครั้งก็อาจจะมองแปลกๆสักนิดสักหน่อย แต่ว่านี้นี่แหละที่เป็นแนวทาง...ที่ทำให้ต้นผักหวานของพวกเรา รอดชีวิตมาได้แทบทุกต้น
7.หาเศษใบไม้แห้ง หรือฟางข้าวมาหุ้มโคนต้นไว้เพื่อรักษาความชุ่มชื้น จากนั้นต้องหาสิ่งของอะไรก็ได้อย่างเช่น ตะเข่ง,กระเช้า,แสลน มาหุ้มไว้ เพื่อช่วยบังแสงสว่างในเวลาบ่าย ต้นผักหวานจะไม่เหี่ยวเลยถึงแม้แดดจะร้อนจัดเท่าใด ของพวกเราใช้กระเช้าพลาสติก ควรจะครอบไว้จนกระทั่งต้นผักหวานจะแก่ได้อย่างต่ำ 6 เดือนก็คัดออกได้
8.ให้น้ำ 1 ครั้ง /สป. หรือ มองตามลักษณะอากาศ ,ส่วนปุ๋ยมูลสัตว์ให้เดือนละ 1 ครั้ง -ทางดิน รวมทั้งให้น้ำขี้หมู 1 ครั้ง/สป.-ทางใบ ด้วยจะดีเลิศ
การให้ปุ๋ยผักหวานป่า
การให้ปุ๋ย จะใช้ปุ๋ยธรรมชาติมูลสัตว์ ปุ๋ยคอก แล้วก็น้ำหมักชีวภาพเพียงแค่นั้น เริ่มใช้มูลสัตว์สำหรับเพื่อการผสมกับดินใส่หลุมปลูก ในช่วงปลายฝนต้นหนาวเป็นช่วงๆเตรียมได้ผลผลิตจะโรยปุ๋ยมูลสัตว์หรือปุ๋ยธรรมชาติรอบๆรอบโคนต้น แล้วก็บำรุงใบไปด้วย ด้วยการฉีดน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำ ในอัตรา 1:200 ส่วน ช่วยปรับให้ใบเขียว นอกเหนือจากนี้ จุลอินทรีย์ที่อยู่ในน้ำหมักจะช่วยในการย่อยสลายปุ๋ยหมักที่โคนต้นอีกด้วยภายหลังที่ต้นเติบโต อายุได้ราว 2 ปี จะให้ปุ๋ยมูลสัตว์ 2 ครั้ง ต่อปี เป็นตอนต้นฝนและก็ปลายฝน รวมทั้งฉีดน้ำหมักอีกเดือนละ 1 ครั้ง แม้กระนั้นการให้ปุ๋ยสำหรับต้นผักหวานป่าก็มีข้อละเว้นเช่นเดียวกัน เป็นห้ามให้ปุ๋ยในตอนเก็บเกี่ยวผลิตผล จะให้ก่อนหน้าในตอนต้นและก็ปลายฝนแค่นั้น ซึ่งอายุของต้นผักหวานซึ่งสามารถเก็บเกี่ยวผลิตผลได้เป็น อายุตั้งแต่ 2-3 ปี ขึ้นไป
ผักหวานป่า |
การเก็บเกี่ยวผักหวานป่า
ก่อนจะมีการเก็บเกี่ยวผลิตผล ต้องตัดแต่งกิ่ง โดยคุณทองจะใช้กระบวนการหักกิ่งด้วยมือไม่ โดยหักช่วงปลายยอดของกิ่งทิ้ง โดยประมาณ 10-15 ซม. สามารถหักได้ทั้งยังกิ่งตรงและก็กิ่งกิ่งก้านสาขา ต่อจากนั้นลิดใบออก ให้เหลือกิ่งละโดยประมาณ 3-4 ใบ เพียงแค่นั้น ต่อจากนั้น ราว 2 อาทิตย์ ผักหวานจะเริ่มแตกยอดใหม่ อีกโดยประมาณ 1 เดือน ก็สามารถเก็บยอดผักหวานจัดจำหน่ายได้ผักหวานป่า ผักท้องถิ่นอีกหนึ่งประเภทที่มีคุณประโยชน์หลายแบบอีกทั้ง แก้ลักษณะของการปวดท้อง แก้ปวดศีรษะ รักษาแผล แล้วก็อื่นๆซึ่งถ้าเพื่อนฝูงๆผู้ใดกันที่กำลังคิดต้องการจะปลูกผักหวานป่า ขอชวนทางนี้เลยแรง
https://www.youtube.com/watch?v=zz4-1-c_Ftwดังนี้ ผักหวานป่า มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Melientha suavis Pierre เป็นพืชในสกุล Opiliaceae เป็นพืชซึ่งสามารถทำให้มีการเกิดการแตกกิ่งรวมทั้งยอดอ่อนได้ด้วยการหักกิ่งทิ้ง นิยมบริโภคใบและก็ยอดอ่อน โดยการนำมาทำอาหาร ยกตัวอย่างเช่น แกงใส่ไข่มดแดงแล้วก็เห็ดฟาง นับว่าเป็นของกินขึ้นชื่อลือชาของชาวอีสาน ยิ่งกว่านั้น ยังเอามาผัดน้ำมันหอยรวมทั้งกินเป็นผักต้มสำหรับจิ้มกับน้ำพริกได้ด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น